แวดวงแฟชั่นทั้งไทยและเทศปีที่ผ่านมา ก็ต้องเรียกว่าแซ่บ!! เสมอต้นเสมอปลายตลอดปี แม้จะมีวิกฤตต่างๆ เข้ามาบ้าง ทำให้ดูซบเซาไปในช่วงปีหลัง แต่สาวกแฟชั่นไม่ว่าจะงบน้อยหรืองบมาก ก็ยังมีไอเท็ม และความสนุกมาช่วยมิกซ์ แอนด์ แมตช์สร้างสีสันในการครีเอตลุคใหม่ๆ ได้ตลอดทั้งปี

และนี่ก็ถึงเวลาที่สาวๆ จะได้อัพเดตเทรนด์ใหม่มาแรงปีนี้จากเหล่าแฟชั่นกูรูกันแล้ว

เริ่มต้นด้วยเทรนด์แฟชั่นจาก ฟอร์ด-กุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการนิตยสารโว้ก ประเทศไทย กูรูผู้คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงแฟชั่นมานานเผยว่า ปีที่ผ่านมาแฟชั่นไทยค่อนข้างซบเซา เนื่องจากปัญหาทางการเมือง ชาวต่างชาติที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของสินค้า รวมถึงดีไซเนอร์ประเทศต่างๆ ไม่ได้เดินทางมาเมืองไทยเลย บวกกับห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่อยู่ใจกลางเมืองติดปัญหาเรื่องการเปิดให้บริการด้วย ทำให้ภาพรวมของวงการแฟชั่นปีที่แล้วเรียกว่าซบเซา เหล่าแบรนด์ดีไซเนอร์ต่างๆ จึงวางแผนการตลาดน้อยลง ซึ่งก็หวังว่าปี 2015 นี้ สิ่งที่เคยเก็บไว้มากๆ ทั้งแผนการตลาด การแข่งขันของนิตยสารหัวต่างๆ และโปรโมชั่นห้างสรรพสินค้า จะปล่อยออกมาสร้างเซอร์ไพรส์ให้คนแฟชั่นได้ชม ได้คึกคักกันมากขึ้น นอกจากนี้ ปีหน้าจะได้เห็นแบรนด์เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รวมถึงเครื่องประดับ พาเหรดมาเปิดแฟลกชิปสโตร์ในประเทศไทยอย่างคับคั่ง ถือได้ว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าจับตามองของแบรนด์ใหญ่ทั่วโลก ซึ่งผู้หญิงต้องหาจุดที่เป็นตัวเอง แต่งให้พอดี รู้จักมิกซ์ แอนด์ แมตช์ก็พอแล้ว
 

10 เทรนด์ฮิตจากสไตลิสต์ไทย
เจี๊ยบ-เอกมล อรรถกมล สไตลิสต์ชื่อดังของเมืองไทย เผยว่า ปัจจุบันนี้โลกของแฟชั่นทั่วโลกไม่ได้เจาะจงเป็นแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้หญิงสมัยนี้จึงมีตัวเลือกเยอะในการแต่งกายแต่ละชุด ซึ่งหากต้องแบ่งง่ายๆ มีอยู่ 10 เทรนด์

1.อาร์ตพีชŽ คือการหยิบเอาลายศิลปะในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ มาพริ้นต์เป็นลายผ้า ไม่ว่าจะเป็นภาพยุคใดสมัยใดก็ตาม

2.เทรนด์คราฟต์ หรือเสื้อผ้าที่ดูเหมือนงานหัตถกรรม แม้ว่าอาจไม่ใช่งานหัตถกรรมจริงๆ เช่น การใช้เทคนิคมัดย้อม หรือตัดผ้าชิ้นหนึ่งปะผ้าอีกชิ้นหนึ่ง ที่เด่นสุดคือการถักโครเชต์ก็ถือว่ามาแรงเช่นกัน

3.เทรนด์เรโทร หรือเทรนด์ย้อนยุคแบบเซ็กซี่เล็กๆ ที่แม้จะมีมาให้เห็นบ้างหลายต่อหลายปี แต่ปีนี้เรโทรจะปรับโฉมใหม่ให้มีสีพาสเทลมากขึ้นจากที่เคยเป็นสีสดปรี๊ด ก็จะเห็นสีฟ้า เขียว ส้ม แดง ที่ถูกสีขาวผสมเข้าไป ทั้งจะได้เห็นเสื้อทรงเอไลน์ ยุค 60 มามิกซ์พิมพ์ลายกราฟิกสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ลายดอก ให้ดูต่างออกไป หรือจะเป็น เทรนด์ที่ 4 หรือ ลายทาง ที่เป็นของคู่กันกับซัมเมอร์ ที่ปีนี้จะแตกต่างด้วยการจัดลายขวางให้เป็นลายตะแคง ทะแยง ตัดต่อกันไปจัดวางใหม่ให้แปลกตามากขึ้น

5.ลายพิมพ์ ทรอปิคอลหรือลายธรรมชาติเขตป่าเมืองร้อน ที่แตกต่างจากลายดอกไม้ยุโรปแบบเดิมๆ สีสันจะจัดจ้านกว่า ดอกไม้ก็จะมีทั้งดอกใหญ่และเล็กไล่กันไป หรืออาจจะใส่ด้านบนดอกใหญ่ ด้านล่างดอกเล็กก็ไม่เอาต์

6.เอธิค หรือการหยิบเอาสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสุดโต่ง มารวมไว้ในลุคลุคเดียว อย่างเช่น การนำเสื้อยืดเบสบอลมาใส่กับกระโปรงย้วยหางปลา คล้ายคลึงกับสตรีทแฟชั่น เพียงแต่ว่าจะดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นหากใครคิดจะหยิบเสื้อวอร์มโอเวอร์ไซซ์มาใส่กับเดรสหนังสวยๆ ก็เรียกว่าไม่พลาด

7.โมเดิร์นคลาสสิก หรือการหยิบเอาการแต่งกายยุค 1950 ที่ดูหรู ดูแพง แกลมๆ เรียบโก้ มาปรับโครงสร้างให้ดูสมัยใหม่ แนวเสื้อผ้าอาจเป็นสไตล์โบราณ แต่ผ้าจะไม่หรูหราเท่าเดิม เปลี่ยนจากผ้าไหม ผ้าวูลเป็นคอตตอนสบายๆ แทน เช่น เสื้อเชิ้ตขาว กางเกงสแล็คสีดำ หรือเสื้อชีฟองกับกระโปรงดินสอ ให้ลุคคุณนายๆ สมบูรณ์แบบ

8.เทรนด์เมทัลลิก ที่ดูสมัยใหม่ ผสมผสานกับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ อย่างการใส่กระโปรงพิมพ์ดอก มิกซ์กับเสื้อเมทัลลิกหลากสีก็ได้

9.เทรนด์วินเทจ ที่ฮอตฮิตประเทศไทยไม่ขาดสาย เรียกว่าหยิบเสื้อผ้าจากตู้คุณแม่มาใส่เป๊ะๆ ก็ไม่ผิดนัก แต่ปีนี้ต้องเพิ่มความชิคด้วยการใส่จิวเวลรีเป้งๆ ให้โดดเด่นกระแทกสายตา

ปิดท้ายด้วย 10.มินิมัล ลุคสุดคูลของสาวแต่งตัวไม่เก่ง ที่ปีนี้เพิ่มลูกเล่นด้วยลายผ้าแบบคอนสตรักชั่นหรือเส้นลายทางสถาปัตยกรรม ทั้งการหักชายเสื้อให้เป็นเส้น หรือการจัดแสงกระทบให้สองข้างไม่เท่ากัน ก่อนจะจัดเครื่องประดับเก๋ๆ ชิ้นใหญ่ๆ เล่นเฉดสีเสื้อผ้า ทั้งขาว ดำ แดง ก็เรียกว่าเอาอยู่

ส่วน ไอเท็มปีนี้ ที่หลายๆ คนไม่ควรพลาดคือ เทรนด์ waist line หรือการใส่กระโปรงและกางเกงให้อยู่ตรงเส้นเอวหรือสะดือพอดีเป๊ะ จากที่เคยใส่ต่ำกว่าเอว 2 นิ้วมาโดยตลอด ส่วนกระโปรงนั้นก็อาจจะได้ทั้งยาวและสั้น แต่หากให้อินมากๆ ต้องสั้นไว้ก่อน ด้านเสื้อครอป ก็อาจจะยังมีมาบ้าง แต่ต้องเป็นครอปที่แขนเสื้อยาวหรือแขนเสื้อกว้างๆ ก็จะเก๋โมเดิร์นด้วย หรืออย่างรองเท้า ก็มีลูกเล่นใหม่คือ การนำรองเท้าลำลองมาใส่กับชุดที่ดูเป็นทางการ เช่น เดรสเก๋ๆ กับผ้าใบ ก็มีให้เห็นอยู่หลายรันเวย์

ก่อนที่สไตลิสต์ดังจะย้ำว่า เทรนด์ปีนี้มีเยอะมากให้เลือกเล่น แต่การจะใส่อะไรก็ต้องดูไม่ให้ผิดสัดส่วนไป อย่าให้บิดเบี้ยวเกินกว่าความเป็นจริง คนตัวสั้นก็ควรหนีเสื้อเอวลอยเพราะยิ่งทำให้สั้นเข้าไปอีก แค่นี้ก็เป็นกิมมิคให้เจิดรับฤดูหนาวแล้วจ้า

สวยแบบสาวแคนดี้

เจาะลึกเทรนด์เสื้อผ้ามาแรงปีหน้าไปแล้ว ก็ได้ฤกษ์กะเทาะเทรนด์เมกอัพปีหน้ากันบ้าง ปีนี้นอกจากเสื้อผ้าลุคสาวหวานจะมาแล้ว เมกอัพก็มาแนวหวานไม่แพ้กัน การันตีโดย กมล ฉัตรเสน เมกอัพอาร์ติสต์ชื่อดัง

ปี 2015 นี้ เทรนด์แต่งหน้าก็ยังดูคล้ายกัน แต่ที่มาแรงที่สุดต้องยกให้สีหวานๆ นึกภาพแบบมาการอง ใช่เลยŽ

ส่วน มาการองแบบที่เอ่ยไว้เป็นแบบไหนนั้น กมลขยายความว่า ปีหน้าเทรนด์ที่จะเห็นได้ชัดช่วงซัมเมอร์ คือเทรนด์การ แต่งหน้า สีหวานๆ อย่างชมพู เขียวอ่อน ฟ้า เหลืองอ่อน เหมือนสีของขนม แต่ไม่ใช่สีพาสเทลไปซะทีเดียว เห็นแล้วดูสดชื่น จะเห็นได้ในการแต่งหน้าแต่ละส่วน เริ่มตั้งแต่ดวงตา จะใช้อายแชโดว์สีเขียว ฟ้า เหลือง ส้มได้ ขณะที่อายไลเนอร์จะเปลี่ยนจากสีดำ ไปเป็นสีชมพู ฟ้า เขียว ให้ดูมีลูกเล่นมากขึ้น

ส่วนขนตา แม้ว่าฝั่งอเมริกาและยุโรปจะเน้นปัดขนตาอย่างเดียว ไม่มีขนตาปลอมมาช่วยแล้ว แต่คนไทยยังอนุโลมได้อยู่ แต่ต้องเลือกแบบที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ยาวและใหญ่จนเป็นแพ

ขณะที่ คิ้ว ปีหน้าเทรนด์เลี้ยงคิ้วกำลังมาแรง กมลเผยว่า ปีหน้าจะเน้นคิ้วที่ดูมีเนื้อคิ้วมากขึ้น ไม่กันให้เล็กและโก่งเหมือนที่ผ่านๆ มา เลี้ยงให้ปัดได้ เขียนได้เล็กน้อย แต่ยังเขียนแบบไล่สี 3 มิติ

ปิดท้ายด้วย สีปาก ที่ก็ยังคงเน้นสีหวานๆ เบาลง ไม่โดดเด้งเหมือนสีโปสเตอร์อย่างปีที่ผ่านๆ มา จากสีที่ฟุ้งก็ดูซอฟต์ขึ้น แต่สีชมพูและสีส้มก็ยังมา แต่ต้องชมพู้ชมพูให้สุด

คิ้ว ตา ปาก ครบแล้ว ก็ได้เวลาของผิว

บิวตี้กูรูเผยว่า ปีนี้เทรนด์เผยผิวก็ยังคงอิน เน้นเงา ให้ดูชุ่มน้ำ แต่ไม่ฉ่ำไปจนเหมือนเทรนด์เกาหลี หน้าจะไม่แมตต์ไปซะทีเดียว บลัชออนหรือแป้งก็จะดูเงาๆ เป็นสัญญาณว่าต้องดูแลผิวของตัวเองมากขึ้น นอกจากทาครีมบำรุงก่อนแต่งหน้าและกันแดดทุกครั้ง ไปจนถึงล้างหน้าให้เกลี้ยงและบำรุงก่อนนอนแล้ว การเลือกเครื่องสำอางก็ไม่ควรเน้นซื้อออยล์ฟรีไปเสียหมดทุกอย่าง เพราะจะทำให้หน้าแห้งและเหี่ยวเร็ว เป็นรอยง่ายด้วย

ก็ถือว่าเป็น โอกาสดีที่จะลองเปลี่ยนลุค เปลี่ยนสีสันกันบ้าง มาลองใช้สีหวานที่เหมาะกับหน้าร้อนกัน ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีแบรนด์เครื่องสำอางทั้งไทยผลิตและนำเข้ามากมายที่ คุณภาพดี ราคาไม่สูงมาก เช่น ลิปสติกและอายแชโดว์ไม่ถึง 500 บาท มาเป็นตัวเลือกให้คนลองเล่นได้มากขึ้น ทำให้คนกล้าซื้อแล้วไม่เสียดาย ทั้งคุณภาพดี ไม่ต้องกังวลเรื่องแพ้ง่าย จนเรียกว่าแบรนด์ชั้นสูงต้องกังวล ผู้หญิงที่อยากลองก็ถือเป็นโอกาสดีแล้วŽ

สวยแบบบิวตี้กูรู
ผมพลิ้วแบบธรรมชาติ เทรนด์ 2015

มาถึงเทรนด์ผม ที่ครั้งนี้ได้ชวาร์สคอฟ โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย โดยได้แบรนด์แอมบาสเดอร์หนึ่งเดียวของเมืองไทยอย่าง ดร.สมศักดิ์ ชลาชล แฟชั่นกูรูเรื่องเส้นผม บินไปดูเทรนด์ใหม่ที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ออกมาเป็นคอลเล็กชั่นโมเดิร์น แกลมมัวร์ ที่แบ่งออกมาเป็น 3 เทรนด์

สำหรับเทรนด์แรก สมศักดิ์เผยว่า คือ เทรนด์ เมทัล ชิค ที่ควบคู่มากับแฟชั่นแนวโลหะ หมุด สีตะกั่วลูกปืน ขนแจ๊กเก็ตของฌอง ปอล โกลติเย่ร์ หรือเครื่องประดับเงินโลหะของแชนแนลเป็นแรงบันดาลใจ ออกมาเป็นเทรนด์ผมที่ดูโฉบเฉี่ยว เล่นสีเมทัลลิกเป็นไฮไลต์ เช่น แดง ให้สะท้อนเงา ดูล้ำสมัย

ต่อเนื่องด้วยเทรนด์ที่ 2 อย่าง โบโฮ เคิร์ล ที่ทรงผมออกมาแนวร็อกสมัยใหม่ เหมือนแฟชั่นยุค 70 สีสันและเฉดเงาจะออกสีน้ำตาลแดง หรือโทนแดง เน้นผมที่ดูเป็นลอน และสีม่วง แครนเบอรี่ เอกลักษณ์ของซีซั่นนี้ ทรงผมจะดูหรูหรา ฟูฟ่องเป็นชั้นๆ แต่แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวล

ปิดท้ายด้วยเทรนด์ อันดัน แกลมมัวร์ ที่เคยให้ความสำคัญกับสีดำมาตลอด เทรนด์นี้ก็ยังเน้นเท็กซ์เจอร์ที่ดูหรูหรา ผสมผสานด้วยสีทองและสีเงินเข้าไปในโทนสีหลัง เปล่งประกายเป็นสีประกายทอง รวมทั้งสียามต้องแสงอาทิตย์ ให้ความรู้สึกหนักแน่น แข็งแรง และปลอดภัย แต่ก็ดูแพงในขณะเดียวกัน