ย้ายเปียโนอย่างไรจึงปลอดภัย
การขนย้ายเปียโนในบ้านเราไม่มีหลักสูตรหรือวิธีการอะไรตายตัว สมัยก่อนส่วนใหญ่จะสอนต่อ ๆ กันมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเปียโน ผมเองยอมรับว่าจำคนอื่นมาจากประสบการณ์ที่เคยจ้างคนอื่นขนเปียนโนมาก่อน แรก ๆ ผมก็นึกภาพไม่ออกว่าจะขนอย่างไรเหมือนกัน นาน ๆ เข้าเลยทั้งขายและขนเองพร้อมสรรพ สร้างความอุ่นใจให้ลูกค้าเพราะผมประกันความเสียหายให้ด้วย ไม่ต้องมาทะเลาะกันให้เสียอารมณ์ และเจ้าของเปียโนต้องนั่งเศร้าเฝ้ามองดูเปียโนมีตำหนิไปตลอดชีวิต
ถ้าคุณจำเป็นต้องขนย้ายเปียโนupright ทั่ว ๆ ไป และเกิดตั้งคำถามในใจว่า ถ้าจะขนเองมีอะไรหรือเปล่า ผมเองบังเอิญฟังความในใจคุณได้ก็ขอตอบว่า ไม่มีปัญหา….ถ้าหากเปียโนพังก็เขกหัวตัวเองสักสามทีแล้ว จะได้สบายใจขึ้น ….ผมล้อเล่นน่า ความจริงมันไม่ได้เสียหายกันง่าย ๆ ถ้าคุณระมัดระวังดี ๆ ตั้งแต่เริ่มขนย้ายออกจากบ้านจนยกขึ้นรถ ซึ่งคุณต้องมั่นใจว่ากำลังคนยกมีพอไหม จุดไหนที่จับแล้วถนัดที่สุด เพราะระดับจากพื้นขึ้นไปวางบนรถค่อนข้างสูง โอกาศพลาดสำหรับมือใหม่หัดขับจึงพอมีอยู่บ้าง ผลเสียหายจะเกิดขึ้นหลากระดับตั้งแต่ ขอบเปียโนด้านล่างบิ่น จนไปถึงกระดูกเท้าแตกถ้ามันล่วงลงมาทับเท้าคุณ สำหรับเรื่องนี้ผมไม่ได้ล้อคุณเล่น ผมเคยเห็นมากับตาแต่ไม่หนักขนาดนั้น แค่เล็บเท้าหายไปในชั่วพริบตาด้วยเหตุขาแกรนด์เปียโนหลุดลงมาทับ ถ้าตัวมันหล่นมาทับคุณก็วาดภาพเอาเองแล้วกัน
เมื่อยกเปียโนขึ้นขึ้นรถแล้ว อย่านึกว่าข้าก็แน่ไม่เห็นต้องจ้างใครให้เสียเงิน เพราะมันแค่ระฆังเริ่มยกแรกเท่านั้น คุณต้องตรวจให้ดีเสียก่อนว่า เปียโนอยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะหรือเปล่า เช่นไม่หนักไปด้านใดด้านหนึ่ง ควรวางบนพื้นที่เสมอกันเท่านั้น ขอบหรือมุมเปียโนมีอะไรกันกระแทกหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าใช้เชือกรัดควรใช้ผ้านวมหนา ๆลองกันไว้ หรือถ้าไม่มีอะไรจริง คุณก็เสียสละผ้าห่มคุณคลุมเปียนโนในกรณีที่คุณรักเปียนโนเป็นชีวิตจิตใจ หรือไม่อย่างแย่ที่สุดถ้าคุณไม่รัดเปียนโนให้แน่นคุณก็ให้พรรคพวกสามสี่คนช่วยจับพยุงกันไป ซึ่งผมขอแนะให้เป็นทางเลือกสุดท้ายจำเป็นจริง ๆ หรือในกรณีที่เคลื่อนย้ายไม่ไกลนัก เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างขับรถบนท้องถนน อุบัติเหตุเล็ก ๆบนท้องถนนอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากเปียนโนไม่ถูกรัดแน่นหนาเพียงพอ เรื่องน่าเศร้าจากความประมาทแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต ทั้ง ๆ ที่มีอาชีพขนย้ายเปียโน
เมื่อมาถึงจุดหมายการยกลงก็สำคัญไม่น้อย ต้องประเมินกำลังคนช่วยยกให้ดี เพราะตอนยกขึ้นเรายังค่อยผ่อนลง ตอนขาลงถ้าเอาไม่อยู่ก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน ทำนองว่าเปียนโนพังดีกว่าเจ็บตัวฟรีหรือคุณจะยอมสละชีพเพื่อชาติก็ตามใจ .
สรุปโดยรวมแม้ว่าคุณจะไม่มีอุปกรณ์หรือรู้เทคนิคเฉพาะ แต่ถ้าคุณตั้งอยู่ในความไม่ประมาท รอบคอบสักหน่อยก็น่าจะพอที่จะพาเปียโนคุณไปถึงจุดหมายได้ โดยสวัสดิภาพทั้งคนและของ ….เอาเป็นว่าจบการขนย้ายเปียโนฉบับประชาชนเพียงเท่านี้
เท่าที่ผมวาดภาพกว้าง ๆ เกี่ยวกับการขนย้ายให้ดู คราวนี้คุณก็ตรองดูว่าระหว่างขนเองกับจ้างขนอันไหนจะคุ้มกว่ากัน ถ้าจ้างก็แค่นอนกระดิกเท้า รอจ่ายเงินเท่านั้น แต่ถ้าขนเองคุณก็ต้องลุ้นระทึกตั้งแต่ต้นจนจบ แถมท้ายด้วยการเลี้ยงเครื่องดองของเมาสมัครพรรคพวก และที่สำคัญคือเงินค่าน้ำมันกับเวลาอีกค่อนวันที่ต้องสูญไป หากคุณคิดว่าไม่ใช่ปัญหาคุณก็เดินหน้าด้วยตัวเองได้เลย…ขอให้โชคดี
ประทับไว้ในใจจากประสบการณ์ขนย้ายเปียนโน
การขนย้ายเปียนโนเท่าที่กล่าวข้างต้น เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นสำหรับคนที่ต้องการจะดำเนินการเอง เพราะมีความพร้อมทั้งคนและรถ แม้จะไม่มีประสบการณ์ก็ตาม ผมเองก็ยินดีด้วยถ้าทำได้ เงินหลักพันสำหรับค่ายกมันไม่น้อยเสียเมื่อไร…แต่…ยังมีแต่นะครับ บางครั้งเราก็ต้องยอมรับว่าการขนย้ายเปียนโนเหลือกำลังเราจริง ๆ ตัวผมเองถึงจะผ่านการมาเกือบทุกสถานการณ์ก็ยังหนาวยะเยือกไปถึงขั่วหัวใจในบ้างครั้ง ถ้าคุณมีเวลาพอผมจะแบ่งปันความประทับใจที่ยากจะลืมเลือนให้อ่านสักเรื่องสองเรื่อง…..พอได้นะครับ…
เอาละเรื่องแรกผมขอนำท่านไปสู่ถนนงามวงศ์วาน เมื่อเลยผ่านห้างพันทิพย์ไปสักประมาณร้อยเมตร คุณจะเห็นร้านเสริมความงามแห่งหนึ่ง เจ้าของร้านตั้งโจทย์ให้ผมหาวิธียกแกรนด์เปียนโนขึ้นบันไดไปไว้ชั้นบน ผมคะเนด้วยสายตา จากความกว้างของบันไดและความสูงจากพื้นถึงเพดานน่าจะได้ จึงตกรับคำกลับไปนอนฝันหวาน และตื่นขึ้นแต่เช้ามุ่งตรงไปสมทบกับทีมงานเพื่อปฏิบัติภาระกิจที่ได้รับมอบมา
เมื่อมายืนอยู่ตรงที่เกิดเหตุคือหน้าบันได โดยวางแกรนด์เปียนโนจ่อไว้พร้อมที่จะยก ผมมองไปที่เปียนโนและที่บันไดสลับไปมา ในวินาทีนั้นผมเริ่มตระหนักว่าโจทย์ข้อนี้ยากกว่าที่คิด และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะบันไดลาดชันจนบีบพื้นที่ให้แคบลงไม่พอให้ให้ตัวเปียนโนพ้นจากเพดานด้านบน ไม่ว่าจะตะแคงซ้ายหรือตะแคงขวา
ผมพยายามอยู่ครู่หนึ่งจึงถอดใจ ออกไปยืนคอตกอยู่หน้าตึก พอได้สติจึงแหงนคอขึ้นไปดูตัวตึก ทันใดนั้นคำตอบก็ผุดขึ้นในใจผม คุณคิดอย่างผมใหม….ใช่เลย…เข้าทางหน้าต่างไงละ
แค่คิดผมก็หนาวแล้ว ยิ่งฟังวิธีการจากเพื่อนร่วมทีมด้วยแล้ว ยิ่งยะเยือกไปถึงขั่วหัวใจเลย….คุณลองนึกภาพตามด้วยเผื่อจะหายหนาว เพราะมีเพื่อนร่วมความรู้สึกด้วย คืออย่างนี้เริ่มต้นต้องใช้ตัวช่วยคือ รถเครนที่คุณเคยเห็นเขายกตู้คอนเทรนเนอร์ตามท่าเรื่อคลองเตยนั้นแหละ
วิธีการเริ่มด้วยการพันธนาการเปียนโนให้แน่นหนา แต่นุ่มนวลไม่ไห้ผิวไม้ช้ำได้ ใช้เชือกอย่างเหนียวพันไขว่โดยรอบ เสร็จแล้วก็นำรถเครนมาเทียบ ผ่อนสายสลิงลงมาให้อยู่ระดับเดียวกับเปียนโน ตรงปลายสายสลิงจะเป็นตะขอเหล็กใหญ่ จับตะขอสอดเข้าไปใต้เชือกที่มัดเปียโน ต้องเลือกจุดที่สมดุลย์ที่สุดไม่ให้น้ำหนักเทไปข้างใดข้างหนึ่ง
เป็นอันเสร็จขั้นตอนการเตรียมการ ต่อไปจะถึงขั้นตอนลุ้นระทึก คือต้องยกเปียนโนขึ้นไปลอยกลางอากาศ ระหว่างกำลังยกขึ้นจนไปลอยอยู่เหนือระดับหน้าต่าง ช่างบีบหัวใจเหลือเกิน ดีที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ไม่งั้นอาจหัวใจวายไปก่อน….ผมอดจิตนาการไม่ได้ว่าหากตะขอหลุดอะไรจะเกิดขึ้น คิดไปใจก็หวิวตามไป แต่โชคดีไม่เป็นไปตามที่คิด
เมื่อเปียนโนลอยได้ระดับเดียวกับหน้าต่าง ต้องรอให้นิ่งที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ จึงจะเริ่มถ่ายฉากต่อไป โดยคนบัญชารถเครนค่อย ๆ เคลื่อนเปียนโนเข้าไปในช่องหน้าต่างที่กว้างกว่าเปียนโนเล็กน้อย ฉากนี้ก็ลุ้นระทึกไม่แพ้ฉากแรก ก็คุณลองคิดดูซิว่าถ้าเหลี่ยมมุมผิดพลาดไป กระจกแผ่นใหญ่ทั้งบานจะเหลืออะไร แทนที่จะได้เงินกลับต้องมาผ่อนใช้ค่ากระจกเจ้าของบ้าน
ผมลืมบอกไปว่าระหว่างถ่ายทำฉากนี้ ทีมงานทั้งหกคนไปยืนรอที่หน้าต่างเรียบร้อยแล้ว และก่อนหน้านั้นได้เตรียมแท่นรอรับเปียนโนพร้อมกับแจงบทให้รับทราบกันถ้วนหน้าแล้ว ทุกคนรู้บทของตัวเองอย่างดี และตั้งใจทำงานจริง ๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เปียนโนจะผ่านเข้ามาได้ โดยไม่เสียหายทั้งผู้คนและทรัพย์สิน
จากนั้นเปียนโนก็ได้รับการประกอบขึ้นใหม่และจัดวางตรงมุมห้องอย่างเหมาะเจาะ ผมและทีมงานเฝ้ามองด้วยความภาคภูมิในความสำเร็จ ก่อนจะลงไปข้างล่าง เมื่อมาถึงตรงนี้ดูเหมือนหนังจะจบลงได้สวยงามสุขสมอะไรปานนั้น……คุณก็คงจะยินดีด้วยและเตรียมลุกเดินหนีออกจากโรง…ช้าก่อนนะครับหนังยังไม่จบ เพราะผู้กำกับสั่งให้เล่นใหม่ ที่แล้วมาใช้ไม่ได้
คุณอ่านแล้วอย่างงคืออย่างนี้ ผู้กำกับไม่ใช่ใครที่ใหนหรอกก็เจ้าของบ้านนั้นเอง เธอเพิ่งกลับมาถึงภายหลังจากที่เราเสร็จภาระกิจเรียบร้อยแล้ว เธอบอกเราว่าตั้งใจจะให้ยกขึ้นไปไว้ชั้นสามไม่ใช้ชั้นสอง แต่เด็กที่บ้านไม่รู้จึงบอกชั้นผิดไป
คราวนี้ผมหายหนาวกลายเป็นร้อนผ่าวขึ้นแทน คุณลองนึกภาพดูซิครับว่ากว่าจะเข้ามาได้ยากเย็นเพียงใด ตอนขาออกคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเท่าไรนัก แถมยังต้องยกขึ้นไปเข้าทางชั้นสามอีก
ฟังเจ้าของบ้านเผยความต้องการแล้ว ผมต้องแหงนหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้ผมมองเลยยอดตึกขึ้นไปเลยยอดเมฆ นึกในใจว่าเราทำกรรมอะไรไว้จึงต้องมาประสบเคราะห์กรรมอะไรเช่นนี้ ออกอาการคล้ายคนถอดใจ แต่เมื่อมานึกถึงความรับผิดชอบตามจรรยาบรรณของอาชีพคนขนเปียนโน ผมกลับมีพลังฮึดขึ้นมาอีกอึดหนึ่ง คิดว่ายังไงต้องทำให้สำเร็จให้ได้ แต่ยังไงก็ไม่ใช่วันนี้แน่นอนขอเป็นพรุ่งนี้ดีกว่า ซึ่งเจ้าของบ้านก็ไม่ขัด ถึงขัดผมก็ค้านอยู่แล้ว เพราะถึงแม้จะมีกำลังใจอยู่บ้างแต่รถเครนไม่อยู่ มนุษย์สายพันธุ์ไหนก็ไม่อาจทำงานนี้ได้
วันรุ่งขึ้นผมกับทีมงานชุดเดิมกลับมาทำงานอีกครั้ง คราวนี้ไม่ต้องอธิบายความกันมาก ต่างคนต่างรู้หน้าที่ แต่คงไว้ซึ่งความไม่ประมาทเช่นเดิม งานจึงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเช่นเคย สมความตั้งใจของทุกฝ่าย เจ้าของบ้านก็อิ่มสุขเมื่อได้เห็นแกรนด์เปียนโนวางอยู่ตรงจุดที่ต้องการ ส่วนผมก็อิ่มเอมในความสำเร็จ